วันศุกร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2558

Social Network กับนักเรียนและสังคมไทย




  Social Network กับนักเรียนและสังคมไทย  


(ที่มาของภาพ: 
http://www.chatham-kent.ca/PublicLibraries/ProgramsandEvents/Pages/techtrainingworkshop5.aspx)


จากการใช้งานอินเตอร์เนตที่คนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้อย่างง่ายมากและการใช้งานอีเมล์ในการรับส่งข้อมูลกันอย่างแพร่หลายเพิ่มมากยิ่งขึ้น ทำให้เกิดการสร้างกลุ่มของคนที่สนใจในเรื่องๆเดียวกันได้เริ่มมีการสร้างเว็บไซต์ที่ตอบสนองความต้องการเฉพาะกลุ่มขึ้นมา เรียกว่า "Social Network" ซึ่งSocial Network นั้นมีหลายประเภท ได้แก่

1.Identity Network เช่น Myspace, Hi5, Facebook เป็นต้น ใช้สำหรับนำเสนอตัวตน และเผยแพรเรื่องราวของตนเองทางอินเตอร์เน็ต รวมถึงการสร้างกลุ่มเพื่อน เป็นกลุ่มๆ บนเครือข่าย

2.Creative Network เช่น YouTube ,Flickr  สามารถนำเสนอผลงานของตัวเองได้ในรูปแบบของวีดีโอ ภาพ หรือเสียงเพลง

3.Interested Network เช่น del.icio.us เป็น Online Bookmarking หรือ Social Bookmarking โดยเป็นการบุ๊คมาร์คเว็บที่เราสนใจไว้บนอินเทอร์เน็ต สามารถแบ่งปันให้คนอื่นดูได้และยังสามารถบอกความนิยมของเว็บไซต์ต่างๆได้

4.Collaboration Network คือเป็นการร่วมกันพัฒนาซอฟต์แวร์หรือส่วนต่างๆของซอฟต์แวร์ เช่น Google

5.Gaming/Virtual Reality เช่น Second.life 





(ที่มาของภาพ:http://www.lakeshorebranding.com/company/blog/internet-marketing-and-seo-tips-how-you-can-use-instagram-for-business/)


ปัจจุบัน Social Network เข้ามามีอิทธิพลกับสังคมในปัจจุบันอย่างมาก หลายคนอาจจะเคยจำ Hi5 ได้ ยุคนั้นถือเป็นการเริ่มมีการเข้ามาของเวบไซต์ประเภท Social Networkในไทย ผลสำรวจขณะนั้นมีผู้ใช้เป็นจำนวนกว่าล้านคนแสดงถึงความยอดนิยมได้อย่างชัดเจน แต่ภายหลังในปี2006 Hi5ได้รับความนิยมน้อยลง เว็บไซต์ Facebook ก็ได้เริ่มเข้ามา ซึ่งมีแอพพลิเคชั่น ลูกเล่นที่หลากหลายมากกว่า Hi5 อย่างเช่นการกดlikeโพสต์/รูปที่ชอบ, เกมต่างๆ (อาทิ Farmville, Cafe World), ห้องสนทนาส่วนตัว, ฯลฯ และก็ยังคงได้รับความนิยมมาจนถึงทุกวันนี้ รวมทั้งtwitterและinstagram อีกด้วย 





(ที่มาของภาพ:http://thumbsup.in.th/2012/02/how-do-universities-use-social-media-successfully/)


โดยเฉพาะในกลุ่มนักเรียนและนักศึกษา Social Network เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้นๆที่ใช้สำหรับติดต่อกันอย่างแพร่หลาย รวมถึงในระบบการศึกษาด้วย ผู้สอนนั้นสามารถประยุกต์มันเข้ากับการเรียนการสอน ทำให้เกิดการเรียนที่มีระบบ ทันสมัย มีประสิทธิภาพ นักเรียนก็จะให้ความสนใจมากกว่าการสอนแบบเดิมๆบนกระดาษธรรมดาๆแน่นอน 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น